วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
การใช้โปรเเกรม e - GP
วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
21 คุณสมบัติของผู้นำ ที่ไม่มีไม่ได้ by John C Maxwell
21 คุณสมบัติของผู้นำ ที่ไม่มีไม่ได้ by John C Maxwell
The Leadership Gap in Education
Tarbutton, Tanya
Tarbutton T. (2019) The Leadership Gap in Education. Multicultural Education, V.27 ,
No.1 ; pp.19-21.
Download full text
https://files.eric.ed.gov/fulltext/EJ1250147.pdf
Educational Administration and the Management of Knowledge: 1980 Revisited
สภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7
สภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7
Creator
Name: นิวัตร ใจช่วง
Subject
keyword: เทคโนโลยีสารสนเทศ -การบริหาร
-ผู้บริหารสถานศึกษา -เทคโนโลยีสารสนเทศ
Classification :.DDC: 371.33 น 673 ส 2558
Description
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1)
ศึกษาสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา
เขต 7 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู 2) เปรียบเทียบสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา
เขต 7 ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู
จำแนกตามสถานภาพและขนาดสถานศึกษา และ 3) ศึกษาข้อเสนอแนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา
เขต 7 กลุ่มตัวอย่างคือ ข้าราชการครู
สังกัดสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 487 คน
ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบชั้นภูมิ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า
5 ระดับ มีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.336 - 0.812 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ .947 และแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ประกอบด้วย ค่าเฉลี่ย
ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและสถิติทดสอบสมมติฐานโดยใช้ สถิติ t – test
(Independent Samples) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว แบบ (One-way
ANOVA) ผลการวิจัย พบว่า 1) ระดับความคิดเห็นของผู้บริหารและครูต่อสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมาเขต
7 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการบริหาร งานบุคคล รองลงมา ได้แก่
ด้านการบริหารวิชาการ ด้านการบริหารงานทั่วไป และด้านการบริหาร งานงบประมาณ
ตามลำดับ 2) ผู้บริหารและครูมีความคิดเห็นต่อสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมาเขต
7 ทั้งภาพรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ
.01 3) ผลการเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นของผู้บริหารและครูต่อสภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมาเขต
7 จำแนกตามขนาดสถานศึกษา
โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01 4) ข้อเสนอแนะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษาใน
สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมาเขต 7 ที่สำคัญมีดังนี้
ผู้บริหารสถานศึกษาควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการจัดกิจกรรมเรียนการสอน
แสวงหาความรู้เพิ่มเติ่มเรื่องการใช้ ICT อย่างสม่ำเสมอ
ควรดำเนินการพัฒนาห้องคอมพิวเตอร์ให้ทันสมัย
ควรใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการมอบหมายงาน การจัดเก็บทะเบียนประวัติ
ส่งเสริมให้ครูมีความสนใจเกี่ยวกับความกว้าหน้าในวิชาชีพ
และพัฒนาตนเองด้วยการค้นคว้าผ่านระบบ ICT/online ควรจัดทำแผนงานโครงการที่เกี่ยวข้อง
และจัดสรรงบประมาณด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเพียงพอ
โดยระดมทรัพยากรและงบประมาณจากภายนอก และควรใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารงานงบประมาณ
ควรติดตามประเมินผลการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เก็บข้อมูลเป็นระบบ สะดวกในการสืบค้น
มีการประชาสัมพันธ์โรงเรียนผ่านทางเว็บไซด์
Publisher
มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
นิวัตร
ใจช่วง (2558) สภาพการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารของผู้บริหารสภานศึกษาในสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา
เขต 7 วิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ
อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ ศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้และความสามารถด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงต่อประสิทธิผลขององค์การ
อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ ศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้และความสามารถด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงต่อประสิทธิผลขององค์การ
บทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้และความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง อิทธิพลของความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ที่มีต่อศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้และความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง และอิทธิพลของศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้ และความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง ที่มีต่อประสิทธิผลขององค์การ กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริหารระดับผู้อำนวยการส่วน กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 200 คน โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการวิจัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อย่างง่ายและแบบพหุคูณ การวิเคราะห์ความถดถอยอย่างง่ายและแบบพหุคูณ ผลการวิจัยพบว่า ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ ศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้ ความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง และประสิทธิผลขององค์การในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยพบว่า ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีอิทธิพลทางบวกต่อความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีอิทธิพลทางบวกต่อศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้ และความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง ความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์มีอิทธิพลทางบวกต่อศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้และความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลง ศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้ และความสามารถในการบริหารการเปลี่ยนแปลงมีอิทธิพลทางบวกต่อประสิทธิผลขององค์การ ซึ่งผลจากการศึกษาครั้งนี้ จะทำให้ผู้บริหารกรมชลประทานสามารถกำหนดแนวทางในการวางแผนยุทธศาสตร์การจัดการความรู้ ในด้านการพัฒนาบุคลากรให้มีองค์ความรู้ด้านการจัดการความรู้มากขึ้น พัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและฐานข้อมูล และปรับปรุงเครื่องมือการจัดการความรู้ ให้สอดคล้องกับบริบทการทำงานของหน่วยงานภายในกรมชลประทาน มากยิ่งขึ้น
วริษฐ์ ทองจุไรเเละวิโรจน์ เจษฎาลักษณ์ (2558) อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ ศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้และความสามารถด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงต่อประสิทธิผลขององค์การ. วารสารวิชาการ มหาวิทยาลัยศิลปากร สาขามนุษยศาสตร์สังคมศาสตร์ และศิลปะ ปีที่ 8 ฉบับที่ 3 กันยายน – ธันวาคม 2558. หน้า 793-810.
การพัฒนาครูในสถานศึกษาเพื่อรองรับการประเมินสมรรถนะประจำสายงานด้านภาวะผู้นำครู
การพัฒนาครูในสถานศึกษาเพื่อรองรับการประเมินสมรรถนะประจำสายงานด้านภาวะผู้นำครู
บทคัดย่อ (Abstract)
การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยและพัฒนามีความมุ่งหมาย เพื่อศึกษาองค์ประกอบการพัฒนาสมรรถนะประจำสายงานครูด้านภาวะผู้นำ เพื่อศึกษาลักษณะและพฤติกรรมสมรรถนะประจำสายงานครูด้านภาวะผู้นำ เพื่อสร้างคู่มือการพัฒนาภาวะผู้นำสมรรถนะประจำสายงานครูด้านภาวะผู้นำ เพื่อทดลองการพัฒนาครูด้านการมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน โดยได้กำหนดวิธีดำเนินการวิจัยเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบการพัฒนาครูในสถานศึกษาจากแหล่งข้อมูล 2 แหล่งคือ 1) จากเอกสารงานวิจัย 2) จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นครูสอนดี จำนวน 100 คน ที่ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purpoive Sampling) โดยใช้แบบสอบถามแนบประมาณค่า 5 ระดับที่มีค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับ เท่ากับ 0.74 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ร้อยละค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ระยะที่ 2 สร้างและพัฒนาคู่มือการพัฒนาสมรรถนะประจำสายงานครูด้านภาวะผู้นำ ตรวจสอบความถูกต้อง และยืนยันคู่มือตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ โดยใช้การสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างความเป็นไปได้และความเหมาะสมของคู่มือ โดยผู้เชี่ยวชาญจำนวน 7 ท่าน ระยะที่ 3 การทดลองใช้คู่มือการพัฒนาสมรรถนะประจำสายงานครูด้านภาวะผู้นำ โดยเลือกครูสอนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างที่ต้องการพัฒนาจำนวน 30 คน โดยการประเมินก่อนและหลังการพัฒนา
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า
1. องค์ประกอบการพัฒนาครูในสถานศึกษาเพื่อรองรับการประเมินสมรรถนะประจำสายงานด้านภาวะผู้นำครู ประกอบด้วย 5 ได้แก่ 1) วุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่ที่เหมาะสมกับความเป็นครู 2) การสนทนาอย่างสร้างสรรค์ 3) การเป็นบุคคลแห่งการเปลี่ยนแปลง 4) การปฏิบัติงานอย่างไตร่ตรอง และ 5) การมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน
2. ลักษณะและพฤติกรรมครูในสถานศึกษาเพื่อรองรับการประเมินสมรรถนะประจำสายงานด้านภาวะผู้นำครู พบว่า ลักษณะและพฤติกรรมครู เฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (x̅ = 4.18) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด 2 ด้านคือ ด้านการปฏิบัติงานอย่างไตร่ตรอง (x̅ = 4.67) รองลงมา คือ ด้านวุฒิภาวะความเป็นผู้ใหญ่ที่เหมาะสมกับความเป็นครูแสดงออกกับผู้เรียนอย่างเหมาะสมกับความเป็นครู (x̅ = 4.53) ส่วนด้านการมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ผู้เรียนอยู่ในระดับปานกลาง (x̅ = 3.47)
3. สร้างและพัฒนาคู่มือการพัฒนาครูในสถานศึกษาเพื่อรองรับการประเมินสมรรถนะประจำสายงานด้านภาวะผู้นำครูองค์ประกอบด้วย ความเป็นมา จุดประสงค์ เนื้อหา หลักสูตร ระยะเวลา ในการพัฒนาตารางพัฒนาตามหลักสูตร หลักสูตรการพัฒนาครูวิธีการพัฒนาสื่อและนวัตกรรม การพัฒนาการประเมินผลการพัฒนาโดยผ่านผู้เชี่ยวชาญให้การยืนยันความเหมาะสมและความเป็นไปได้
4. พัฒนาครูภาวะผู้นำด้านการมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้ง 3 ระยะ การดำเนินการในขั้นกระบวนการแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ระยะก่อนปฏิบัติการ ระยะที่ 2 ระยะปฏิบัติการ ประกอบด้วย การประชุมปฏิบัติการโดยใช้คู่มือการพัฒนาครูในสถานศึกษาเพื่อรองรับการประเมินสมรรถนะประจำสายงานด้านภาวะผู้นำครู ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นประกอบการประชุมปฏิบัติการระยะที่ 3 ระยะ หลังปฏิบัติการใช้แบบสอบถามพฤติกรรมครูในสถานศึกษา และพบว่า หลังการประชุมปฏิบัติการค่าเฉลี่ยของประเมินครูในสถานศึกษาเพื่อรองรับการประเมินสมรรถนะประจำสายงานด้านภาวะผู้นำครูสูงกว่าก่อนการเข้าประชุมปฏิบัติการ
นงลักษณ์ พิมพ์ศรี (2562) การพัฒนาครูในสถานศึกษาเพื่อรองรับการประเมินสมรรถนะประจำสายงานด้านภาวะผู้นำครู. กรุงเทพฯ : สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา.
การใช้โปรเเกรม e - GP
การใช้โปรเเกรม e - GP คู่มือการใช้งานระบบ e-GP กรณีจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจง http://203.157.7.98/store/fileupload_doc/2017-09-13-3-...

-
21 คุณสมบัติของผู้นำ ที่ไม่มีไม่ได้ by John C Maxwell
-
อิทธิพลของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง ความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ ศักยภาพด้านกระบวนการจัดการความรู้และความสามารถด้านการบริหารการเปลี่ยนแปลงต่อประสิท...
-
บทคัดย่อ (Abstract) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาองค์ประกอบภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา 2) เพื่อศึกษาความต้...